22 กรกฏาคม 2568: อาจารย์ ดร.ไมตรี บุญขันธ์ ร่วมทำกิจกรรมและ Workshop กับผู้เข้าอบรมระดับหัวหน้างานและผู้บริหาร ขององค์กร … “การคิดอย่างเป็นระบบและการคิดเชิงตรรกะ” ..
ครับ
ขอบคุณ บริษัท บริดจสโตน อินดัสเตรี้ยล โปรดักส์ (ประเทศไทย) จำกัด ด้วยครับ
ในโลกยุคปัจจุบัน องค์กรต่าง ๆ มุ่งแสวงหาแนวทางการบริหารจัดการที่จะสามารถตอบโจทย์ทางด้านการแข่งขันได้ ทั้งเรื่องคุณภาพ ต้นทุน และระยะเวลาที่ใช้ในการบริหารงานจนถึงการส่งมอบให้กับผู้รับบริการหรือลูกค้า โดยเฉพาะการพัฒนาแนวความคิดของ “คน” หรือบุคลากร ให้มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ในระดับที่สูงและมีการพัฒนาการทำงานด้วยตัวของตนเอง ดังนั้นการพัฒนาตนเองของพนักงานทุกคนจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนให้การทำงานของคนในองค์กรในทุกระดับชั้น ให้บรรลุเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นที่ยอมรับของคนที่ทำงานร่วมกัน ซึ่งจะส่งผลทำให้องค์กรมีการเติบโตก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว
การพัฒนาตนเอง หรือ Self-Improvement นั้นผู้บริหารและพนักงานต้องมองไปในทิศทางเดียวกันว่า เราเป็นใคร เราอยู่ที่ไหน กำลังทำอะไรอยู่ และทำไปเพื่ออะไร ในเรื่องของ “ความสำเร็จในการทำงาน” นั้น “Thinking” หรือ “ความคิด” ถือเป็นจุดเริ่มต้นและหัวใจสำคัญของการทำงานทุกประเภทเพื่อให้ประสบผลสำเร็จ การปลูกฝัง สร้างความรู้ ที่ส่งเสริมการพัฒนาตนเอง เป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะแนวคิด (Concept) วิธีการ (How to) ที่ถูกต้องและสามารถนำไปใช้เป็นแนวทางปฏิบัติได้อย่างง่ายดายเพื่อช่วยให้องค์กรพัฒนาพนักงาน ให้มีความรู้ มีแนวคิดในการพัฒนาตนเองไปสู่ความสำเร็จ ทั้งต่อตนเองและนำไปสู่การพัฒนาองค์กรร่วมกันได้ในที่สุด หลักสูตร “การคิดอย่างเป็นระบบและการคิดเชิงตรรกะ” (Systematic and Logical Thinking) มุ่งเน้นการพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์อย่างมีเหตุผล เพื่อให้ผู้เรียนสามารถแก้ปัญหา ตัดสินใจ และสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ หลักสูตรนี้จึงเป็นคำตอบที่ดีของระบบการคิดอีกรูปแบบหนึ่งที่จำเป็นต้องมีในการทำงาน “การคิดอย่างเป็นระบบและการคิดเชิงตรรกะ” เพื่อสร้างวิธีการคิดอย่างเป็นระบบและเห็นผลได้อย่างแน่นอน เป็นการรวบรวมเครื่องมือที่ใช้ในการปรับปรุงการทำงานกับพนักงานทุกระดับและฝึกการรวมกลุ่มทำกิจกรรมเพื่อช่วยกันระดมสมอง ในการพัฒนาตนเองได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
วัตถุประสงค์
1. เพื่อสร้างแนวคิดในการสร้างลดความสูญเสีย และปรับปรุงอย่างต่อเนื่องในการทำงาน โดยใช้หลัก
Fact-based Management
2. เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ด้านนวัตกรรมใหม่ๆในการทำงานและการปรับปรุงงาน ที่เกิดจากการ
นำเอาประสบการณ์ในการทำงานที่อยู่ในตัวเองมาคิดต่อยอด คิดนอกกรอบ และทำให้เป็นไปได้
3. เพื่อเป็นแนวทางในการปรับปรุงและพัฒนาหน่วยงานและองค์กรอย่างต่อเนื่อง และสอดคล้องกับกล
ยุทธ์ พันธกิจ และเป้าหมายขององค์กร
4. เพื่อสร้างแนวคิดในการเลือกใช้เครื่องมือในการปรับปรุงงานอย่างเป็นระบบ มีความมั่นใจในการ
เลือกใช้ตามหลักการ Analytical thinking ได้อย่างถูกต้อง
หัวข้อการอบรม (ระยะเวลา 6 ชม.)
1.ระบบการบริหารจัดการสู่ความเป็นเลิศในปัจจุบัน
2.ทำไมทุกองค์กรต้องแข่งขันในการปรับปรุงงาน?
3.กลยุทธ์การเพิ่มประสิทธิภาพในองค์กร
4.แนวคิดของการปรับปรุงงานสู่การคิดเชิงตรรกะ
5.ทัศนคติของคนที่พร้อมจะปรับปรุงการทำงานอย่างต่อเนื่อง
– ความคิดแบบ Growth mindset Vs Fixed Mindset
6. กระบวนการคิดคิดเชิงตรรกะ (Logical Thinking) 3 ขั้นตอนและเครื่องมือที่สำคัญ
6.1 พื้นฐานการคิดเชิงตรรกะ:
- ความหมายและความสำคัญของการคิดเชิงตรรกะ: ทำความเข้าใจหลักการและประโยชน์ของการคิดอย่างมีเหตุผล
- ประเภทของการให้เหตุผล: เรียนรู้การให้เหตุผลแบบนิรนัย (deductive reasoning) และแบบอุปนัย (inductive reasoning)
- หลักการวิเคราะห์ข้อมูล: ฝึกการแยกแยะข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริง ข้อคิดเห็น และอคติ
– การหาวิธีการคัดเลือกสิ่งที่ดีที่สุดด้วย Matrix data analysis +Workshop
6.2 การวิเคราะห์ปัญหาและการตัดสินใจอย่างเป็นระบบ : Systematic thinking
- การระบุปัญหา: เรียนรู้เทคนิคการกำหนดปัญหาที่ชัดเจนและเฉพาะเจาะจง
- การรวบรวมข้อมูล: ฝึกการค้นหาและประเมินข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับปัญหา
- การสร้างทางเลือก: ฝึกการคิดทางเลือกที่เป็นไปได้หลากหลาย
- การประเมินทางเลือก: เรียนรู้การใช้หลักเกณฑ์และเหตุผลในการประเมินทางเลือก
- การตัดสินใจและการวางแผน: ฝึกการตัดสินใจอย่างมีหลักการและการวางแผนเพื่อนำไปปฏิบัติ
6.3 เครื่องมือและเทคนิคการคิดอย่างเป็นระบบและการคิดเชิงตรรกะ:
- แผนภาพความคิด (Mind Map): ใช้ในการจัดระเบียบความคิดและข้อมูล
- แผนผังความสัมพันธ์ (Relation Diagram): ใช้ในการวิเคราะห์เชิงเหตุและผล
- การใช้ตารางตรรกะ (Logic Table): ใช้ในการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูล
สรุป/ตอบข้อซักถาม














